วันแรก |
08.00 น. |
รถลาวของบริษัทขวัญใจ ทราเวล 2004 รับคณะทัวร์ทุกท่านที่บริเวณจุดนัดหมายภายในตัวเมืองจังหวัดหนองคาย พร้อมออกเดินทาง เคลียร์เอกสารที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งไทย และ ด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งลาวหลังจากนั้น พร้อมเดินทางเข้าสู่กำแพงนครเวียงจันทน์ |
09.00 น. |
ออกเดินทางสู่เขื่อนน้ำงึม ทางผ่านตลาดพื้นเมืองหลัก 52 และแวะเข้าพักผ่อนอิริยาบถที่เมืองโพนธง |
11.30 น. |
แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกที่บริเวณหน้าเขื่อนน้ำงึม |
12.00 น. |
พักรับประทานอาหารกลางวันที่ เขื่อนน้ำงึม ( มื้อที่ 1 ) พร้อมล่องเรือชมบรรยากาศความงามของเขื่อนน้ำงึมที่ผลิตกระแสไฟฟ้าส่งให้กลับประเทศไทยในเขตภาคอีสานตอนบน |
13.00 น. |
ออกเดินทางสู่เมืองวังเวียง |
16.30น. |
เที่ยวชม ถ้ำจัง และบ่อน้ำแร่ธรรมชาติพร้อมชมความงามทางธรรมชาติของน้ำซอง ( พร้อมแจกเบรก อาหารว่าง ได้แก่น้ำผลไม้ น้ำเปล่า ขนม ผ้าเย็น)

|
16.30น. |
ชมบรรยากาศของแม่น้ำซอง ซึ่งเป็น แม่น้ำสายหลักและเป็นสายสำคัญของเมืองวังเวียง |
17.30น. |
เข้าเช็คอินน์ที่ โรงแรมวิไลวงค์หรือเทียบเท่า |
18.00 น. |
ร่วมรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม ( มื้อที่ 2) หลังจากนั้นเที่ยวชมบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองวังเวียง คณะสามารถปั่นจักรยานเที่ยวชมบรรยากาศยามของเมืองวังเวียงพร้อมพักผ่อนตามอัธยาศัย ( ค่าเช่าจักรยาน คันละ50 -60 บาท ไม่รวมในทริปทัวร์) |
วันที่สอง |
07.00น. |
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม( มื้อที่ 3 ) |
08.00 น. |
ออกเดินทางสู่เมืองมรดกโลกหลวงพระบาง ผ่านเมืองกาสี พร้อมชมบรรยากาศระหว่างทางที่สวยงามไปด้วยธรรมชาติสองข้างทาง |
10.00น. |
แวะพักผ่อนอิริยาบถทำภารกิจส่วนตัว ( เข้าห้องน้ำ )ที่จุดชมวิวภูเพียงฟ้า จุดชมวิวที่สวยที่สุดก่อนถึงหลวงพระบาง ( พร้อมแจกเบรก อาหารว่าง ได้แก่น้ำผลไม้ น้ำเปล่า ขนม ผ้าเย็น) ผ่านเมืองภูคูณซึ่งเป็นเมืองงามไปด้วยที่เต็มไปด้วยของคนชนเผ่าต่างที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ และยังเป็นเส้นทางที่ต้องแยกไปเมืองเชียงขวางที่สวยงามด้วยธรรมชาติ ผ่านหมู่บ้านกิ่วกระจำซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดอากาศหนาวมาก |
12.00น. |
รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารหลวงพระบาง ( มื้อที่ 4 ) |
13.00 น. |
ออกเดินทางเที่ยวชมธรรมชาติของ น้ำตกตาดกวางสี เป็นน้ำตกหินปูนขนาดใหญ่สูงราว 70 เมตร มีสายน้ำไหลอาบมาตามหน้าผาผ่านโขดหินน้อยใหญ่ รูปทรงแปลกตา มีน้ำไหลตลอดปี สภาพ ป่ามีความร่มรื่น ด้านล่างมีสะพานและเส้นทางเดินชมรอบๆ น้ำตกและที่นั่งให้ชมวิวทิวทัศน์ รวมทั้งมีห้องสำหรับเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวสำหรับท่านที่ต้องการลงเล่นน้ำตก อีกด้วย แต่หากต้องการความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวสามารถเดินลัดเลาะขึ้นไป ยังน้ำตกชั้นบน และทางขึ้นไปน้ำตกชั้นบน จะพบกับสวนสัตว์ที่อนุรักษ์พันธุ์หมี ซึงปัจจุบันเหลือแค่หมีดำ ที่ยังคงหลงเหลือและอนุรักษ์ไว้ให้เราได้ไปสัมผัส

|
16.00น. |
เดินทางเข้าเช็คอินน์ที่โรงแรมโชคพันคำหรือเทียบเท่า |
18.00 น. |
ร่วมรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารผานไชย ( มื้อที่ 5 )หลังจากนั้นเที่ยวชมและเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองที่ตลาดมืด (ไนซ์บาร์ซ่า) ตลาดมืดหรือตลาดกลางคืนถือเป็นแหล่งช็อปปิ้งแหล่งใหญ่ของนักท่องเที่ยวเนื่องจากจะมีพ่อค้าแม่ค้าชาวหลวงพระบางนำสินค้าของตนมาวางจำหน่ายอาทิเช่น เสื้อยืดสกรีนภาษาลาว, เครื่องเงิน, ผ้าทอ, ผ้าห่ม,ปลอกหมอน, โคมไฟที่ทำจากกระดาษสา ฯลฯพร้อมพักผ่อนตามอัธยาศัย |
วันที่สาม |
05.00 น. |
ร่วมทำบุญตักบาตรข้าวเหนียวประเพณีเก่าแก่ของเมืองหลวงพระบาง พร้อมกับประชาชนชาวหลวงพระบาง ซึ่งพระสงฆ์และสามเณรจากวัดต่างๆ ทั่วเมืองหลวงพระบางจะออกบิณฑบาตเป็นแถวนับร้อยรูป ซึ่งเป็นภาพอันน่าประทับใจและสื่อถึงความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาของชาวเมืองหลวงพระบาง **หมายเหตุ ไม่รวมกระติ๊บข้าวเหนียว ท่านไหนต้องการมีค่าใช้จ่าย ท่านละ100 บาท ต่อ 1 ชุด กรุณาแจ้งหัวหน้าทัวร์) |
06.00 น. |
เดินเที่ยวชมบรรยากาศวิถีชาวบ้านของเมืองหลวงพระบางที่ตลาดเช้า ตลาดสดให้ท่านเลือกซื้ออาหารพื้นเมืองและชมของป่าซึ่งของป่าบางชนิดก็แปลกตาและเป็นที่สนใจของเหล่านักท่องเที่ยวผู้มาเยือน |
07.00 น. |
ร่วมรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม( มื้อที่ 6 ) |
08.30 น. |
ออกเดินทางเที่ยวชม สถานที่ต่าง ๆ ดังนี้* พระราชวังเก่าของกษัตริย์ลาว เดิมคือพระราชวังเดิมของเจ้ามหาชีวิต สร้างเมื่อพ.ศ.2447หลังจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลลาวใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงโบราณวัตถุและสิ่งของมีค่าต่างๆ อาทิ ธรรมาสน์ บัลลัง เครื่องสูงและราชูปโภคของเจ้าชีวิต ของขวัญจากประเทศต่างๆ ที่สำคัญที่สุดคือ พระบาง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ซึ่งประดิษฐานอยู่ในไตรหอทางปีกขวาของพระราชวังเป็นการชั่วคราว

* พระธาตุภูสีพระธาตุนี้มองเห็นได้แต่ไกลแทบจะทุกมุมเมืองของหลวงพระบาง รอบๆพระธาตุจะมีทางเดินให้ชมวิวทิวทัศน์ ซึ่งสามารถทำให้เห็นวิวของเมืองหลวงพระบางได้โดยรอบ มีบันไดขึ้นยอดพูสี 328 ขั้น ตลอดทางขึ้นร่มรื่นไปด้วยต้นจำปา ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติลาว ( พร้อมแจกเบรก ได้แน้ำ ผลไม้ น้ำเปล่า ขนม ผ้าเย็น)
* ชมวัดเก่าแก่ของเมืองหลวงพระบาง วัดวิชุนราช สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐาน พระบาง ซึ่งอาราธนามาจากเมืองเวียงคำ สร้างโดยพระเจ้าวิชุนราชในปีพ.ศ. 2057 และตั้งชื่อวัดตามพระนามของพระองค์เอง ภายในวัดวิชุนราชมีปทุมเจดีย์หรือพระธาตุดอกบัวด้วยรูปทรงของเจดีย์มีลักษณะคล้ายแตงโมผ่าครึ่ง และเจดีย์รูปทรงแปลกตานี้เองจึงทำให้ชาวเมืองหลวงพระบาง เรียกว่า พระธาตุหมากโม
* วัดเชียงทอง เป็นวัดที่เก่าแก่มากที่สุดวัดหนึ่งในหลวงพระบาง สร้างในระหว่าง พ.ศ. 2102-2103 โดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ผู้ครองอาณาจักรล้านช้างและล้านนาก่อนที่พระองค์จะย้ายเมืองหลวงมายังนครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นวัดที่สำคัญและมีความงดงามที่สุด จนได้รับการยกย่องจากนักโบราณคดีว่าเป็นดั่งอัญมณีแห่สถาปัตยกรรมลาว |
12.00น. |
รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารเทพบุปผา ( มื้อที่ 7 ) |
|
**ชมเฮือนมรดกเชียงม่วน “บ้านไม้เก่าแก่ที่สุดในหลวงพระบาง”เป็นอาคารอนุรักษ์ขององค์การยูเนสโก กล่าวกันว่า ดั้งเดิมเป็นของพระยาหมื่นนา ขุนนางในราชสำนักล้านช้าง ในสมัยหนึ่งขุนนาง และคหบดีเมืองหลวงพระบางนิยมปลูกเรือนตึกแบบฝรั่ง ทำให้อาคารไม้แบบเดิมถูกรื้อไปมาก ที่เหลือสภาพสมบูรณ์อยู่ก็เฉพาะเรือนหลังนี้เท่านั้น นับเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นมรดกโลกที่องค์การยูเนสโกได้อนุรักษ์ไว้เป็นแบบอย่างของบ้านลาวยุคโบราณ “ย่านชุมชนบ้านเจ๊ก” ที่ในอดีตคือย่านค้าขายและที่อยู่ของคนจีนและเวียดนามที่มาทำงานเป็นลูกมือ ฝรั่งเศส คนลาวจึงเรียกย่านนี้ว่า “บ้านเจ๊ก” มาในวันนี้ย่านบ้านเจ๊กแปรสภาพเป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ ร้านอินเทอร์เน็ต ฯลฯ แต่ว่าลักษณะภายนอกของอาคารก็ยังคงไว้ด้วยสภาพตึกแถวสไตล์โคโลเนียลของ ฝรั่งเศส ซึ่งน่าชมไปด้วยผนังปูนสีอ่อนมุงหลังคากระเบื้องดินเผาที่เข้ากันอย่างลงตัว กับเสา ประตูหน้าต่าง และบัวประดับผนัง นับเป็นเสน่ห์อันน่ายลอีกอย่างหนึ่งของหลวงพระบาง* เที่ยวชม “วัดใหม่สุวันพูมาราม” ซึ่งอยู่ถนนศรีสว่างวงศ์ติดกับพระราชวังหลวง วัดนี้เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชบุญทัน ปัจจุบันใช้เป็นโรงเรียนปริยัติธรรม *วัดทาดน้อยหรือวัดพระมหาธาตุราชบวรวิหาร สร้างในปีพ.ศ. 2091 สมัยพระเจ้าไซยเชษฐาธิราชได้รับการบูรณะมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งที่สำคัญเกิดขึ้นในปีพ.ศ.2453 โดยเจ้ามหาอุปราชบุญคง ภายในสิม แบบล้านช้างมี “ราวเทียน” รูปนาค 24 ตัว ฝีมือการแกะวิจิตรงดงาม หน้าสิมมีเจดีย์ธาตุองค์ใหญ่ บรรจุอัฐิของเจ้าเพชรราชรัตนวงศา อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศลาว และถือเป็นรัฐบุรุษของประเทศลาวยุคใหม่ เฉพาะ พระอุโบสถขนาดใหญ่ มีการตกแต่งเพิ่มเติมรูปสลักบนบานประตูและ หน้าต่าง แสดงเรื่องเล่าชาดกพระสุธนมโนราห์ดูสวยงามเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นฝีมือสกุลช่างพ่อเฒ่าเพียตัน ด้านหลังมีพระธาตุเจดีย์ยอดทรงระฆังประดับเศวตฉัตร 17 ช่อ นั้นหมายถึง วัดนี้สร้างโดยพระมหากษัตริย์หรือเจ้าชีวิต
*วัดสิริมงคลไชยยาราม ตัววัดหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ศาสนสถานส่วนใหญ่ยังคงสภาพเดิม เล่าสืบต่อกันมาว่าสร้างในปีพ.ศ. 2306 ในรัชสมัยพระเจ้าโชติกะกุมาร สิมหรืออุโบสถมีลักษณะแบบหลวงพระบางโดยทั่วไป ได้รับซ่อมแซมครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2488 ช่างสกุลผู้รับหน้าที่ปฏิสังขรณ์ เปลี่ยนไปตามยุคสมัย จึงทรงผลให้รูปทรงสถาปัตยกรรมของวัดนี้เป็นแบบผสมผสานตามไปด้วย เห็นได้อย่างชัดเจนจากระเบียงโถงด้านหน้าเป็นศิลปะแบบหลวงพระบาง ทรวงทรงหลังคาเป็นแบบเชียงขวาง และประดับตกแต่งด้วยกระจกสีโมเสกแบบเวียงจันทน์ หน้าจั่วประดับลวดลายสวยงาม
เที่ยวชม “วัดแสนสุขาราม” วัดที่มีศิลปะของล้านช้างดูได้จากหลังคาและศิลปะของพระซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนที่ชาวหลวงพระบางให้ความเคารพศรัทธา สร้างขึ้นในคริสศตวรรษที่ 15 ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้ากิ่งกฤษราช ตามประวัติศาสตร์เล่ากันว่าชื่อของวัดมาจากเงินจำนวน 100,000 กีบ ที่มีผู้บริจาคให้เป็นทุนในการก่อสร้าง เป็นวัดเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นภายหลังนครหลวงพระบางแยกออกจากนครเวียงจันทน์เป็นอีกอาณาจักรหนึ่ง ก่อนหน้านั้นบริเวณที่สร้างวัดแสนมีวัดเก่าอยู่ก่อน สิ่งแรกเมื่อมาถึงคือการไปชมพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นพระพุทธรูปยืนองค์เดียวในหลวงพระบาง มีพระพักตร์ที่งดงามผ่องแผ้ว ข้างหอพระยืนมีหอรอยพระพุทธบาทจำลอง ส่วนพระอุโบสถดูวิจิตรการตาเต็มไปด้วยการเขียนภาพสีทองลงบนพื้นสีแดง ภายในตกแต่งประดับประดาอย่างงดงาม พระประธานของวัดมีชื่อว่า “พระองค์หลวง” มีลักษณะงดงามชดช้อย วัดแสนได้รับการบูรณะ 2ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2475 ครั้งที่สองเมื่อปีพ.ศ. 2500 ส่วนการประดับลวดลายปิดทองที่สวยงามนั้นบูรณะเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยช่างในวังหลวงของหลวงพระบางนั่นเอง
ชม ศูนย์ทอผ้าลาวหลวงพระบางที่ “ออกพบตก” คำแปลที่มาจาก “East meet West” เป็นการเชื่อมโยงผู้คนเข้าหากันผ่านสิ่งทอ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวคิด วัฒนธรรม ตัวแทนตะวันออกคือ “แวว” สาวลาวที่แม่ของเธอเป็นช่างทอผ้าชื่อเสียงลือเลื่องในหลวงพระบาง และตัวแทนตะวันตกคือ โจ แอนนา สาวช่างภาพนิตยสารที่อังกฤษ เดินทางมาค้นหาสิ่งที่แตกต่างให้กับชีวิต ความลงตัวมาพบกับกันเมื่อทั้งสองต่างก็มีความสนใจร่วมในสิ่งเดียวกัน และร่วมก่อตั้งขึ้นมา
เดินทางสู่ ตลาดดารา เพื่อชม เครื่อง เงิน ผ้าทอมือที่มาจากแขวงหัวพัน ซำเหนือ และหลวงพระบาง นอกจากนั้นยังมีผ้าทอของไทลื้อ และผ้าทอจากลาวสูง ทอเป็นผ้าซิ่น หมวก ย่าม ฯลฯภาพ |
17.00น. |
เดินทางกลับสู่ที่พักโรงแรมในหลวงพระบาง |
18.00 น. |
ร่วมรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารมีไชยผล ( มื้อที่ 8) หลังจากนั้น พักผ่อนตามพักผ่อนตามอัธยาศัย |
วันที่สี่ |
05.00น. |
เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมที่พัก พร้อมออกเดินทางกลับ |
08.00 น. |
รับประทานอาหารเช้า( มื้อที่ 9 ) |
09.00 น. |
ออกเดินทางกลับเมืองวังเวียง ผ่านเมืองภูคูณซึ่งเป็นเมืองงามไปด้วยที่เต็มไปด้วยของคนชนเผ่าต่างที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ และยังเป็นเส้นทางที่ต้องแยกไปเมืองเชียงขวางที่สวยงามด้วยธรรมชาติ |
10.30น. |
ระหว่างทางผ่าน ผาตั้ง เป็นสถานที่ธรรมชาติและสวยงามซึ่งเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่กลาง แม่น้ำซองซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของเมืองวังเวียง ผ่านหมู่บ้านเลียงผา เป็นหมู่บ้านที่ผลิตน้ำมันเลียงผาเป็นอาชีพหลัก ซึ่งน้ำมันเลียงผา มีสรรพคุณช่วยรักษาเรื่องไขข้อกระดูก |
12.00 น. |
พักรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านไผ่คำ เมืองวังเวียง ( มื้อที่ 10) |
13.00น. |
เดินทางมุ่งสู่กำแพงนครเวียงจันทน์ |
15.00น. |
แวะพักผ่อนอิริยาบถ ทำภารกิจส่วนตัว เข้าห้องน้ำ ที่เมืองแสนชุม ( พร้อมแจกเบรกอาหารว่าง ได้แก่น้ำผลไม้ น้ำเปล่า ขนม ผ้าเย็น) |
15.20น. |
เดินทางกลับเข้าสุ่นครหลวงเวียงจันทน์ |
17.00น. |
เข้าเช็คอินนท์โรงแรมละอองดาว |
18.00น. |
รับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม (มื้อที่ 11) และพักผ่อนตามอัธยาศัย |
วันที่ห้า |
07.00น. |
รับประทานอาหารเช้า พร้อมเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมที่พัก( มื้อที่12) |
08.00น |
เดินทางเข้าสักการะบูชา วัดเจ้าแม่สีเมือง เป็นวัดที่ชาวลาวให้ความเคารพบูชา และมีตำนานเล่าขานมานาน100 ปี ภายในวัดสีเมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของศาลหลักเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นศาลหลักเมืองเพียงหลักเดียวของประเทศลาว |
09.00น. |
เข้าเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์หอพระแก้ว ที่เคยเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกตก่อนที่จะถูกอันเชิญไปประดิษฐานที่กรุงเทพมหานครในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ปัจจุบันเหลือเพียงแค่แท่นที่ประดิษฐานภายในหอพระแก้ว หอพระแก้วในปัจจุบันได้ถูกบูรณะใหม่เกือบทั้งหมดเพราะเคยถูกทำลายในสมัยสงคราม ปัจจุบันภายในพิพิธภัณฑ์หอพระแก้วนั้น ได้จัดแสดงพระแท่นบัลลังก์ปิดทองจารึกพระไตรปิฎก ภาษาขอมและกลองสำริดประจำราชวงศ์ลาว ใบเสมาต่างๆ และพระพุทธรูปศิลปะล้านช้างปางต่างๆ ( พร้อมแจกเบรก ได้แก่ น้ำเปล่า ( ขวด ) + ผ้าเย็น )

|
10.00น. |
แวะเข้าชมสินค้าพื้นบ้านของประเทศลาวที่ชาวลาวผลิตเอง เช่น ประเภทผ้าไหม เครื่องเงินต่างๆของฝากที่แสดงได้ถึงเอกลักษณ์ของประเทศลาวที่ร้านผลิตภัณฑ์สินค้าพื้นเมืองลาว |
11.30น. |
แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกที่ อนุสาวรีย์ประตูชัย สถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสที่สวยงามและยังคงอนุรักษ์ให้เหมือนเดิมตลอดมา ประตูชัยถือได้ว่าตั้งอยู่ใจกลางของเมืองและเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ |
12.00น. |
รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารเฟื่องฟ้า (มื้อที่ 13 ) |
13.00น. |
เข้าเลือกชมและเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกต่างๆ ประเภทของฝากกระเป๋า เข็มขัด ที่ร้านไต้หวัน |
14.00น. |
เข้าเที่ยวชมและสักการะ พระธาตุหลวงโบราณสถานคู่ประเทศลาว เป็นสถานที่บรรจุอัฐิของพระพุทธเจ้าในส่วนหัวเหน่า พระธาตุหลวงสร้างขึ้นพร้อมกับการตั้งนครหลวงเวียงจันทน์ขึ้นเป็นเมืองหลวงจากเมืองหลวงเดิมคือเมืองหลวงพระบาง พระธาตุหลวงถือเป็นปูชนียสถานที่สำคัญคู่กับพระธาตุพนมเพราะตามตำนานเล่าว่าพระธาตุหลวงและพระธาตุพนมนั้นถูกสร้างขึ้นพร้อมกัน |
15.00น. |
เดินทางกลับยังชายแดนลาว พร้อมเข้าเลือกซื้อสินค้าปลอดภาษี ประเภท เหล้า ไวน์ บุหรี่ ที่ดิวตี้ฟรี ระหว่างรอเจ้าหน้าที่เคลียร์เอกสาร ( พร้อมแจกเบรกได้แก่ น้ำผลไม้ + ผ้าเย็น ) |
17.00น. |
เดินทางกลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ |